เปิดร้านอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี่ ตั้งราคายังไง คิด GP ยังไง

เปิดฟู้ดเดลิเวอรี่ คำนวณค่า GP ยังไง ตั้งราคายังไงให้มีกำไร เพื่ออยู่รอดในระยะยาว!

เปิดฟู้ดเดลิเวอรี่ยุคนี้จะ“กำไร” หรือ “ขาดทุน” เรื่องที่ไม่พูดไม่ได้คงจะเป็นการตั้งราคา และการคำนวณ GP ที่พลาดกันไม่ได้! (แน่นอนว่าคุณภาพ ความอร่อย ความเร็ว เป็นเรื่องที่ทุกร้านเต็มที่กันอยู่แล้วผมคงไม่ต้องห่วงเรื่องนี้)

บทความนี้เหมาะกับทุกคนที่สู้เพื่อวันนี้ต้องรอด เราต้องทำกำไร มีของอร่อย ทำของคุณภาพ จบวันปิดยอดเราต้องมีกำไร ดังนั้นเรามาเริ่มกันด้วย

ค่า GP คืออะไร?

เมื่อเราเปิดร้านกับแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหน เราต้องจ่ายค่า GP หรือ Gross Profit (กรอซ โพรฟิต) เพื่อให้เค้าช่วยพาลูกค้ามาเจอร้านของเรา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ! เราต้องจ่ายให้แพลตฟอร์มเท่าไหร่? นั่นคือคำถามที่เราจะมาตอบกันในวันนี้ครับ

การคำนวณค่า GP ของร้านอาหาร

  • โดยปกติอัตราค่า GP จะอยู่ระหว่าง 30% เช่น
  • วันนี้ขายได้ 1,000 บาท เราจะโดนหัก 300 บาท
  • บวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จาก 300 บาท คิดเป็น 21 บาท
  • รวมเป็น 321 บาท

ดังนั้นจบวันเราจะได้รับเงินทั้งหมดจากแพลตฟอร์ม 679 บาท (1,000-321) ค่า GP ที่หักไปให้มองว่าเป็น “ค่าใช้จ่ายเพื่อหารายได้” แพลตฟอร์มช่วยพาลูกค้ามาเจอร้านเรา โปรโมทร้านให้เรา ดูแลพี่ๆ ไรเดอร์มารับอาหารที่ร้านเราพาไปส่งลูกค้าให้เราครับ

เรามาลองคำนวณค่า GP ของกะเพราราคา 60 บาทกันครับ

  • คำนวณค่า GP 60*0.30 (รายได้ คูน 30%) = 18 บาท
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จาก 18 บาท = 1.26 บาท
  • รวมเป็นเงิน 19.26 บาท
  • รายรับหลังจากหักค่า GP จากกะเพราจากนี้คือ 60-19.26 = 40.74 บาท

ขาย 60 บาท เงินเข้ากระเป๋าจริงๆ ประมาณ 40 บาท นี่ยังไม่ได้คำนวณต้นทุนค่าวัตถุดิบ ค่าพนักงาน ค่าเช้า หรือค่าการตลาดอื่นๆ นะครับ ดังนั้นการตั้งราคาจึงเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของฟู้ดเดลิเวอรี่เลยก็ว่าได้

แล้วจะขายฟู้ดเดลิเวอรี่ ควรตั้งราคายังไง? เรามาลองคิดง่ายๆ จากกะเพราจานเดิมครับ 

  • หากต้นทุนกะเพราจานนี้ 20 บาท 
  • ค่าแพลตฟอร์ม 19.26 บาท
  • กำไรจากกะเพราจานนี้คงเหลือ 20.74 บาท
  • หากขายได้วันละ 30 จาน เราจะมีกำไร 622.2 บาท จากรายได้ 1,800
  • เดือนนึงขายทุกวัน (30 วัน) เราจะมีกำไร 18,666 บาท จากรายได้ 54,000 บาท

สิ่งที่สำคัญต้องนำมาคิดคือ ค่าเช่าและค่าทีมงานของเรา เดือนละเท่าไหร่ครับ?

  • หากเรามีค่าเช่า 10,000 บาท ต่อเดือน (รวมค่าน้ำค่าไฟ)
  • ค่าเงินเดือนทีมงาน 15,000 บาท ต่อเดือน
  • เราจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 25,000 บาท ต่อเดือน
  • จากกำไรของเรา 18,666 บาท เดือนนี้เรายังขาดทุนครับ 
  • ขาดทุน 6,334 บาท (รายรับ - รายจ่าย 18,666-25,000 = -6,334 บาท)

จุดนี้คือจุดที่ผู้ประกอบการอย่างเราๆ มองข้ามและพลาดไปคือ เราไม่ได้คำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนให้ครบถ้วน ก่อนตั้งราคาขาย

  • หากเรามีค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ 25,000 บาท เราควรคิดว่าเรามีค่าใช้จ่ายรายวันอยู่ที่ 833.33 บาท
  • หากเราขายได้ 30 จานเราจะมีกำไร 622.2 บาท จาน จากที่เราคำนวณไว้ว่ากะเพรามีกำไร 20.74 บาท (หลังหักต้นทุนวัตถุดิบและ GP)  
  • จริงๆ แล้วเราควรขายให้ได้อย่างน้อย 41 จาน เพื่อให้มีกำไรมากกว่าวันละ 833 บาท (20.74 คูน 41 = 850.34 บาท)
  • เมื่อขายได้ครบ 41 จานจะเป็นกำไรจริงๆ ของร้าน
    *คำนวณอย่างง่าย จริงๆ ยังมีค่าขนส่งวัตถุดิบ ค่าเน็ต ค่าใช้จ่ายรายเดือนอื่นๆ 

คำนวณเพื่อตั้งเป้ายอดขายต่อวัน

อันนี้คิดจากราคาขายกะเพราะ 60 บาทนะครับ มาลองเพิ่มราคากันครับ โดยคงราคาวัตถุดิบเท่าเดิม (ไม่ลดคุณภาพวัตถุดิบ / ไม่เพิ่มปริมาณ)

  • กะเพรา 70 บาท - 22.47 บาท (GP 30% และภาษีมูลค่าเพิ่ม) - ต้นทุน 20 บาท = กำไรสุทธิ 27.53 บาท
  • กะเพรา 80 บาท - 25.68 บาท (GP 30% และภาษีมูลค่าเพิ่ม) - ต้นทุน 20 บาท = กำไรสุทธิ 34.32 บาท

เป้ายอดขายต่อวันที่เปลี่ยนไปหลังปรับราคา

  • จากที่ต้องขาย 41 จานต่อวันเพื่อให้ได้กำไร มากกว่า 833 บาท
  • เมื่อปรับราคาเป็น 70 บาท จะต้องขายเพียง 31 จาน
  • หากปรับราคาเป็น 80 บาท ขายเพียง 25 จานก็ได้กำไรแล้ว

ดังนั้นอย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนโดยละเอียดให้ครบเพื่อมาเฉลี่ยเป็นค่าใช้จ่ายรายวันด้วยนะครับ เราจะสามารถตอบคำถามว่า “ขายอาหาร ขายฟู้ดเดลิเวอรี่ ควรตั้งราคาเท่าไหร่” ได้ด้วยตัวเองแล้วครับ

ฝากกดไลค์​ แชร์​ basicmastery.co เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยนะครับ

หากมีคำถามเรื่องการคำนวณต้องการตัวช่วยดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://basicmastery.co/

#basicmasterybusiness

กลับไปยังบล็อก